นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(Privacy Policy)
ปรับปรุงล่าสุด เดือน พฤษภาคม 2565
บริษัท สยามชัย เซอร์วิส จำกัด (“บริษัท”) ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติ ตามกฎหมายที่บังคับใช้ และตระหนักถึงการได้รับความไวว้างใจจากท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท บริษัท เข้าใจดีว่าท่านต้องการความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ดังน้ัน บริษัทจึงให้ความสำคัญ ด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่านและการรักษาความ ปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงาน ของบริษัทด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านได้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำ ไปใช้ตรงตามความต้องการของท่านและถูกต้องตามกฎหมาย
นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่ออะไร
1. นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อ
นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และ รายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่ เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย
อะไรบ้างที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลคือขอ้มูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
2.1.1ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัท ทั้ง ที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณ ฑ์และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์Call Center ผู้ที่ ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด
2.1.2ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และ ผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้นซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยนิยอมจากท่านตามที่ กฎหมายกำหนด เวน้แต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเกบรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย มีดังต่อไปนี้
-
เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัว ประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
-
ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ที่อยู่ที่ติดต่อ(สำหรับกรณีต่างจากที่อยู่อาศัย) หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลไอดีไลน์
-
ส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย
-
อะไรบ้างที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย
-
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคลคือขอ้มูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
-
2.1.1ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทโดยตรง หรือให้ผ่านบริษัท หรือมีอยู่กับบริษัท ทั้ง ที่เกิดจากการใช้ผลิตภัณ ฑ์และ/หรือบริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์Call Center ผู้ที่ ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด
-
2.1.2ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทข้อมูลเครดิต และ ผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้นซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยนิยอมจากท่านตามที่ กฎหมายกำหนด เวน้แต่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต
-
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเกบรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย มีดังต่อไปนี้
-
เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัว ประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
-
ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ที่อยู่ที่ติดต่อ(สำหรับกรณีต่างจากที่อยู่อาศัย) หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลไอดีไลน์
-
เช่น มูลค่าเงินลงทุน แหล่งที่มาของเงินลงทุน เลขที่บัญชีกองทุน เลขบัญชี ธนาคาร เลขบัตรเครดิต เลขบัตรเดบิตที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกองทุน ประวัติการรับเงินปันผล ส่วนแบ่ง กำไรและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุน รายการทรัพย์สิน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน ค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อการวางแผนและ/หรือกำหนดนโยบายการลงทุน
-
เช่น พอร์ตการลงทุน ข้อมูลการซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยน รวมถึงการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์การชำระเงินค่าซื้อหลกัทรัพย์รวมถึงการรับเงินค่าขายคืนหลักทรัพย์การกู้ยืมเงิน เพื่อซื้อหลักทรัพย์การให้ยืมหลักทรัพย์
-
เช่น IP address MAC address Cookie ID
-
เช่น การใช้งานเว็บไซต์เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่า เป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว(Sensitive Data)คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็น การเฉพาะ ซึ่ง
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัท มีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยบริษัทอาจต้องเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลขอ้มูลชีวภาพ (Biometric) เช่น ข้อมูลภาพจา ลองใบหน้า ข้อมูลจา ลองลายนิ้วมือ ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการที่ขอสมัคร และ/หรือทา ธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเว็บ ไซต์ Call Center หรือช่องทางอื่น ใด เป็นต้น
(ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีความอ่อนไหวที่เกี่ยวกับท่านข้างต้นรวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)
3. บริษัทเก็บ รวมรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
3.1 เพื่อให้ท่านได้ใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของท่าน และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย
3.1.1 เพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่าน เป็นคู่สัญญาอยู่กับ บริษัท หรือเพื่อใช้ในการดา เนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของ บริษัท (Contractual Basis) เช่น
(1) การพิจารณาอนุมัติการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ เช่น การเปิดบัญชีกองทุน การจัดการและบริหารทรัพย์สิน รวมถึงการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการลงทุน
(2) การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ เช่น การ ประมวลผล การติดต่อ การแจ้ง การมอบงานให้แก่บุคคลอื่นที่เป็นผู้ให้บริการภายนอก การโอนสิทธิและ/หรือ หน้าที่การแจ้งเตือนการชำระค่าซื้อกองทุน การแจ้งการนา ส่งผลประโยชน์ที่เกิดจากการลงทุน รวมถึงการแจ้งข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องหรือเนื่องมาจากการลงทุน หรือการมอบหมายให้บริหารทรัพย์สิน
3.1.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น
(1) การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
(2) การปฏิบัติตามกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายหลัก ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายประกันชีวิต กฎหมายประกัน วินาศภัย กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มี อานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติ ตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว
3.1.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น
(1) การบันทึกเสียงทาง Call Center การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร
(2) การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การจดัการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การดูแลลูกค้าโดยพนักงานของบริษัท การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่างๆ ประเภท เดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท ซึ่งเป็นประโยชน์กับท่าน
(3) การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจดัการภายในองค์กร รวมถึงการส่ง ต่อไปยังบริษัทในเครือกิจการเดียวกัน เพื่อการดังกล่าว ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเครือ กิจการ (Binding Corporate Rules)
(4) การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นขอ้มูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้(Anonymous Data)
(5) การป้องกันรับมือลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์การผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลล้มละลาย) การทำผิดกฎหมายต่างๆ (เช่น การฟอกเงิน การสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงความผิดเกี่ยวกับ ทรัพย์ชีวิตร่างกาย เสรีภาพ หรือชื่อเสียง) ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อ ยกระดับ มาตรฐานการทา งานของบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันในการป้องกันรับมือลดความเสี่ยงข้างต้น
(6) การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ของลูกค้านิติบุคคล
(7) การติดต่อ การบันทึกภาพ การบนั ทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือ ออกบูธ
(8) การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
(9) การรับ-ส่งพัสดุ
3.2 เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ตามที่ท่านเลือกให้ความยินยอม ไว้เช่น
(1) เพื่อให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของ ท่าน
(2) เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ รวมถึงสิทธิ ในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ สิทธิประโยชน์โปรโมชั่น ข่าวสาร หรือกิจกรรม พิเศษของบริษัทเอง หรือของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือของบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทตามแต่กรณีที่ท่านให้ความยินยอมไว้
4. บริษัทเปิดเผยข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้ หลกัเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อ มูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องใน นโยบายฉบับนี้
บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือฐานทาง กฎหมายอื่นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้เช่น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรทาง ธุรกิจ ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ สถาบันการเงิน ผู้สอบบัญชีผู้ตรวจสอบ ภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัทบริหารสินทรัพย์บริษัทข้อ มูลเครดิต ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิและ/หรือผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นิติ บุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับบริษัทซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนกังาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัทและของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดงักล่าว
5. บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจ เดียวกัน ที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บน server/cloud ในประเทศต่างๆ
กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัท จะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุม้ครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและ เหมาะสมสอดคล้องกับ มาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงรักษาความลับกับผู้รับข้อมูลในประเทศ ดังกล่าว หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกันบริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการ ให้มีนโยบายการคุม้ครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือกิจการ/ธุรกิจเดียวกัน ที่อยู่ ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแทนการดำเนินการตามที่กฎหมาย กำหนดไว้ก็ได้
6. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้าหรือมี ความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับ นี้ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้เช่น จัดเก็บไว้ตาม กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บ ไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณี อาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี
ทั้งนี้บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นขอ้มูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่าน ได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
7. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัท ได้กำหนด นโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ และมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนอก วัตถุประสงค์หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยไม่ชอบ และบริษัทได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบ และ หลกัเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
นอกจากนี้ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้างผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้อง รักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
8. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์ หรือถูกจำกัด ความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจ ปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
8.1 สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้น โดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
ทั้งนี้การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดี ยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความ
ต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยนิยอม
8.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อ มูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัท ได้ข้อมูลส่วน บุคคลของท่านมาได้อย่างไร
8.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลน้ันอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูล ส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้น ต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บ รวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือ เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่ กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัท หรือ เป็นขอ้มูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
8.4 สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านในเวลาใดก็ได้หากการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการ ดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่ เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อ
สาธารณประโยชน์หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัท สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญ ยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐาน ของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตาม กฎหมาย ตามแต่ละกรณี
นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำ ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บ รวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัท หมดความจา เป็นในการเก็บ รักษาไว้ตามวัตถุ
ประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยนิยอมหรือใช้สิทธิ ขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใชข้อ้ มูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่ บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณี อื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่าน ขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
8.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8.8 สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บ รวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
8.9 การใช้สิทธิ:การใช้สิทธิของท่านดงักล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้เช่น ต้อง ปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล อื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธ คำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย ทั้งนี้ท่าน สามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

* นับแต่วันที่บริษัทได้ตรวจสอบและยืนยันตัวตนกับท่านเรียบร้อยแล้ว อนึ่งในกรณีที่จะต้องมีการยื่น และ/หรือนา ส่งเอกสารหลักฐานสำหรับการตรวจสอบและยืนยันตัวตน ระยะเวลาดำเนินการจะเริ่มนับในวันที่บริษัทได้รับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว
หากท่านมีขอ้เสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวมใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ท่านสามารถติดต่อบริษัท และ/หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองขอ้มูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางดังนี้ในวันและเวลาทำการของบริษัท (เวลา 08:30 น.-17:30 น.)
ช่องทางการติดต่อ
Contact Center : โทร 02 079 5001 E-mail :Siamchai-central@gmail.com เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ: บริษัท สยามชัย เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 11,9 ซ.รังสิต-ปทุมธานี 3 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130